อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆในคอมพิวเตอร์
เมื่อ
กรวยของลำโพงมีการเคลื่อนที่(ดูดเข้า-ผลักออก)
มวลอากาศที่อยู่โดยรอบบริเวณด้านหน้ากรวย
จะถูกบีบอัดและคลายตัวเป็นจังหวะที่สอดคล้องกัน ทำให้เกิดคลื่นอากาศที่เรียกกันว่า”คลื่นเสียง”(sound wave) การบีบอัดและคลายตัวของมวลอากาศนี่เอง
ที่ทำหน้าที่เป็นเสมือนผู้นำสารที่เป็น”เสียง”จาก ลำโพงไปสู่หูคนฟัง
ลำโพงส่วนใหญ่จะทำการแปรเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าไปสู่พลังงานเสียง
ซึ่งทำให้เกิดเป็นจริงเป็นจังได้โดยการออกแบบส่วนที่เรียกว่า”กลุ่มขดลวดเคลื่อนตัว”(moving coil)
สัญญาณไฟฟ้าจะไหลผ่านเส้นลวดที่อยู่รอบๆกลุ่มขดลวด
และกลุ่มขดลวดนั้นถูกติดตั้งเอาไว้ในสนามแม่เหล็กอีกทีหนึ่ง กระแส
สลับที่ไหลผ่านเข้าไปในสนามแม่เหล็ก เกิดปฎิกริยาทำให้กลุ่มขดลวดมีการเคลื่อนที่
มีผลให้กรวย(หรือไดอาแฟรม)มีการขยับตัวตามไปด้วย
ในลักษณะของการผลักไปด้านหน้าและดึงกลับมาด้านหลังสลับไป-มาจนทำให้เกิด”เสียง”
หูฟังรูปแบบนี้จะมีจุกยางเสียบเข้าไปในรูหู
โดยส่วนใหญ่จะให้จุกยางมาหลายขนาดเพื่อความเหมาะสมของสรีระของแต่ละคน ขนาดของหูฟังประเภทนี้จะมีขนาดเล็กที่สุด
ข้อดี
การใช้งาน: ข้อดีของหูฟังแบบแยงหูในแง่ของการใช้งานจะอยู่ที่ความเบา
ไม่เจ็บหู และมีขนาดเล็กสะดวกต่อการพกพาติดตัว
คุณภาพ เสียง:
ข้อดีของหูฟังแบบนี้จะให้เสียงกลางและแหลมที่มีรายละเอียดดี มีความเพี้ยนต่ำ
เนื่องจากตัวลำโพงของหูฟังจะมีขนาดที่เล็กและอยู่ใกล้กับโครงสร้างของหูใน
ส่วนที่ใช้รับเสียงมากกว่าหูฟังแบบอื่น
ทำให้ไม่ต้องเปิดดังมากจนเกิดความเพี้ยนของเสียงเกิดขึ้น
และหูฟังประเภทนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นหูฟังที่ให้ “มิติเสียง” ได้ดีที่สุดด้วย ทำให้การแยกแยะชิ้นดนตรีชัดเจน และเนื่องจากว่าตอนใช้งานต้องแยงลงไปในรูหู
ซึ่งทำให้ช่วยบล็อกเสียงจากภายนอกไม่ให้เล็ดลอดเข้าไปรบกวนได้มาก
ข้อด้อย
การ ใช้งาน: หูฟังประเภทนี้อยู่ที่ความอันตราย
เนื่องจากตอนใช้งานจะต้องแยงเข้าไปในรูหูจนแน่น
ทำให้คุณอาจจะไม่ได้ยินเสียงแวดล้อมที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว
จึงไม่ควรใช้งานในขณะทำกิจกรรมอื่นๆ บางอย่าง อาทิ ขณะขับรถ, ขณะเดินหรือวิ่งในที่สาธารณะที่มีการจราจรหนาแน่น
เครื่องพิมพ์
เครื่องพิมพ์ที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปในปัจจุบันแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
1. เครื่องพิมพ์แบบจุด (Dot Matrix Printer) คื อเครื่องพิมพ์ที่อาศัยการใช้หัวเข็มไปกระแทกกระดาษ โดยผ่านผ้าหมึกทำให้เป็นจุดขึ้น
ซึ่งมีลักษณะการทำงานคล้ายเครื่องพิมพ์ดีด คุณลักษณะเด่นของเครื่องพิมพ์แบบนี้ คือ
สามารถพิมพ์ลงบนกระดาษที่มีหลายสำเนาหลายชุดได้ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์หลายครั้ง
ซึ่งเครื่องพิมพ์แบบอื่นไม่สามารถทำได้
มีความทนทานในการใช้งานสูง
สามารถพิมพ์กับกระดาษต่อเนื่องได้
2. เครื่องพิมพ์แบบหมึกพ่น (Inkjet
Printer) คือเครื่องพิมพ์ที่ใช้วิธีพ่นน้ำหมึกลงไปบนกระดาษ โดยหมึกจะถูกฉีดออกจากรูขนาดเล็กบนหัวพิมพ์
ซึ่งหมึกที่ใช้จะเป็นแม่สี 3 สี คือ แดง เหลือง และน้ำเงิน บางเครื่องจะใช้ 2 กล่อง คือ น้ำหมึกสีดำกับตัวแม่สี คุณลักษณะเด่นของเครื่องพิมพ์แบบนี้ คือ
สามารถพิมพ์ภาพสีได้ โดยมีตลับหมึกสีแยกอิสระ สามารถถอดเปลี่ยนใหม่ได้
คุณภาพการพิมพ์คมชัดกว่าแบบใช้หัวเข็ม ให้ความละเอียดสูง เหมาะสำหรับงานด้านกราฟิก และงานด้านการนำเสนอ(Presentation)
สามารถพิมพ์บนผิววัสดุอื่นๆ นอกจากบน กระดาษ ได้ เช่น แผ่นใส, สติกเกอร์ เป็นต้น
3. เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ (Laser
Printer) มีหลักการทำงานเหมือนกับเครื่องถ่ายเอกสาร เป็นเครื่องพิมพ์ที่พัฒนามาจากเครื่องพิมพ์แบบจุดและแบบฉีดหมึก สามารถพิมพ์ได้เร็วกว่าแบบอื่นและความคมชัดของงานดีมาก จึงได้รับความนิยมนำมาใช้งานในสำนักงานทั่วไป
Universal
Serial Bus (USB) แฟลชไดรฟ์ คือ อุปกรณ์
ขนาดเล็กที่สามารถพกพา และใช้เสียบเข้ากับ USB พอร์ต ของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ USB แฟลชไดรฟ์ใช้เก็บข้อมูลเช่นเดียวกับฮาร์ดดิสก์ แต่แฟลชไดรฟ์สามารถถ่ายโอนข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังเครื่องอื่นๆ ได้โดยสะดวก USB แฟลชไดรฟ์จะมีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกันไป และเก็บข้อมูลได้หลายกิกะไบต์ USB แฟลชไดรฟ์ หรือเรียกอีกอย่างว่า เพนไดรฟ์ไดรฟ์พวงกุญแจคีย์ไดรฟ์ และ คีย์หน่วยความจำ
โมเด็ม (Modem)
เป็นอุปกรณ์สำหรับคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งที่ช่วยให้คุณสัมผัสกับโลกภาย นอกได้อย่างง่ายดาย โมเด็มเป็นเสมือนโทรศัพท์สำหรับคอมพิวเตอร์ที่จะช่วยให้ระบบ คอมพิวเตอร์ของเราสามารถสื่อสารกับคอมพิวเตอร์อื่นๆ
ได้ทั่วโลก โมเด็มจะสามารถ
ทำงานของเราสามารสื่อสารกับคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้ทั่วโลก โมเด็มจะสามารถทำงาน ของคุณให้สำเร็จได้ก็ด้วย การเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ของคุณเข้าคุ่สายของ
โทรศัพท์ธรรมดาคู่หนึ่งซึ่งโมเด็ม
จะทำการแปลงสัญญาณ ดิจิตอล (digital signals) จากเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณ อนาล๊อก (analog signals) เพื่อให้สามารถส่งไปบนคู่สายโทรศัพท์
คำว่า โมเด็ม (Modem) มาจากคำว่า (modulate/demodulate) ผสมกัน หมายถึง กระบวนการแปลงข้อมูลข่าวสารดิจิตอลให้อยู่ในรูปของอนาล๊อกแล้วจึง สัญญาณกลับไปเป็นดิจิตอลอีกครั้งหนึ่งเมื่อโมเด็มของเราต่อเข้ากับโมเด็มตัวอื่นความสามารถของโมเด็มเราสามารถใช้โมเด็มทำอะไรต่างๆได้หลายอย่างเช่น
ใช้บริการต่างๆจากที่บ้านเช่นสั่งซื้อของผ่านอินเตอร์เน็ต
ท่องไปบนอินเตอร์เน็ต
เข้าถึงบริการออนไลน์ได้
ดาวน์โหลดข้อมูล,รูปภาพและโปรแกรมแชร์แวร์ได้
ส่ง-รับโทรสาร
ตอบรับโทรศัพท์
ความแตกต่างของโมเด็ม
1. ความเร็วในการรับ - ส่งสัญญาณ ความเร็วในการรับ-ส่งสัญญาณ หมายถึง อัตรา (rate) ที่โมเด็ม สามารถทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับโมเด็ม
อื่นๆ มีหน่วยเป็นบิต /วินาที (bps) หรือ กิโลบิต/
วินาที (kbps) ในการบอกถึง ความเร็วขอโมเด็มเพื่อให้ง่ายในการ
พูดและจดจำ
2. ความสามารถในการบีบอัดข้อมูล ข้อมูลข่าวสารที่ส่งออกไปบนโมเด็มนั้น สามารทำให้มีขนาดกะทัดรัด ด้วย วิธีการบีบอัดข้อมูล (compression)
ทำให้สามารถส่งข้อมูลได้ครั้งละเป็นจำนวน มากๆ
3. ความสามารถในการใช้เป็นโทรสาร โมเด็มรุ่นใหม่ ๆ
สามารถส่งและรับโทรสาร(Fax capabilities) ได้ดีเช่น เดียวกับ การรับ ส่งข้อมูล หากคุณมีซอฟแวร์ที่เหมาะสมแล้วคุณสามารถใช้ แฟคซ์ โมเด็มเป็นเครื่องพิมพ์
(printer) ได้เมื่อเราพิมพ์เข้าไปที่แฟคซ์โมเด็มมันจะส่งเอกสาร ของเราไปยังเครื่องโทรสารที่ปลายทางได้
4. ความสามารถในการควบคุมความผิดพลาด โมเด็มจะใช้วิธีการควบคุมความผิดพลาด
(error control) ต่าง ๆ มากมาย
หลายวิธีในการตรวจสอบเพื่อการยืนยันว่า จะไม่ข้อมูลใด ๆสูญหายไประหว่างการส่ง ถ่ายข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง
5. ออกแบบให้ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอก
โมเด็มที่จำหน่ายในท้องตลาดทั่ว ๆ ไปจะมี 2 รูปแบบ คือ โมเด็มแบบติด ตั้งภายนอก (external
modems) และแบบติดตั้งภายใน (internal
modems)
6.ใช้เป็นโทรศัพท์ได้ โมเด็มบางรุ่นมีการใส่วงจรโทรศัพท์ธรรมดาเข้าไปพร้อมกับความสามารถ ในการรับ/ ส่งข้อมูลและโทรสารด้วย